16/2/57

อินเตอร์เน็ต


                อินเตอร์เน็ต









คือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเกิดจากระบบคอมพิวเตอร์เครือข่ายย่อย  หลาย ๆ aเครือข่ายรวมตัวกันเป็นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่  ซึ่งขยายความได้ดังนี้ คือ
การที่คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ เครื่องขึ้นไป สามารถติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันได้โดยผ่านสาย Cable หรือ สายโทรศัพท์ ดาวเทียม ฯลฯ การติดต่อนั้นจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน หรือใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เช่น ใช้ Printer หรือ CD-Rom ร่วมกัน เราเรียกพฤติกรรมของคอมพิวเตอร์ลักษณะนี้ว่า เครือข่าย (Network) ซึ่งเมื่อมีจำนวนคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากขึ้น และมีการเชื่อมโยงกันไปทั่วโลก จนกลายเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ เราเรียกสิ่งนี้ว่า อินเตอร์เน็ต นั่นเอง  
การที่คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้นั้น ว่าไปแล้วก็เปรียบเหมือนคนเรา คือต้องมีภาษาพูดคุยกันโดยเฉพาะคนไทยก็พูดภาษาไทย คนอังกฤษก็ต้องพูดภาษาอังกฤษ และภาษาอังกฤษได้ถูกกำหนดเป็นภาษาสากลในการติดต่อสื่อสารกันของทุกประเทศทั่วโลก สำหรับคอมพิวเตอร์ในระบบอินเตอร์เน็ตนั้น ก็มีภาษาที่ใช้คุยกันเหมือนกัน ซึ่งที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันได้ พูดคุยกันรู้เรื่องนั่นเอง ซึ่งเราเรียกว่าภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ว่า โปรโตคอล (Protocol)  
        เราลองคิดดูว่าเมื่อคอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารกันนั้น อาจเป็นคอมพิวเตอร์จากเมืองไทย ติดต่อกับคอมพิวเตอร์ที่อเมริกา ซึ่งต้องมีความแตกต่างกันของชนิดเครื่องทาง Hardware และระบบปฏิบัติการ (Operating System) ทาง Software แล้วถ้าคิดถึงทั่วโลกย่อมต้องมีความหลากหลายทาง Hardware และ Software กันมากมาย แต่ทำไมปัจจุบันคอมพิวเตอร์จึงสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ คอมพิวเตอร์ในระบบอินเตอร์เน็ตนั้น จะมีภาษาสากลใช้สื่อสารกันโดยเฉพาะ คือเรียกว่ามี Protocol เฉพาะนั่นเอง ซึ่งเราเรียก Protocolเฉพาะนี้ว่า TCP/IP โดยย่อมาจากคำว่า Transmission Control Protocol (TCP) Internet Protocol (IP) นั่นเอง  
เหตุผลสำคัญที่ทำให้อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมแพร่หลาย คือ
1.  การสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต  ไม่จำกัดระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่ต่างระบบปฏิบัติการกันก็สามารถติดต่อ     สื่อสารกันได้ เช่น คอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการแบบ Windows 95 สามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการแบบ      Macintoshได้
2.  อินเตอร์เน็ตไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะทาง ไม่ว่าจะอยู่ภายในอาคารเดียวกัน หรือห่างกันคนละทวีป ข้อมูลก็สามารถส่งผ่านถึง     กันได้
3.  อินเตอร์เน็ตไม่จำกัดรูปแบบของข้อมูล ซึ่งมีได้ทั้งข้อมูลที่เป็นข้อความอย่างเดียว หรืออาจมีภาพประกอบ รวมไปถึงข้อมูลชนิด     มัลติมีเดีย คือมีทั้งภาพเคลื่อนไหวและมีเสียงประกอบด้วยได้
     ***  คำอื่นที่ใช้ในความหมายเดียวกันกับอินเตอร์เน็ต คือ Information Superhighway และ Cyberspace

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
รูปแบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีอยู่ แบบ ตามลักษณะการใช้งานซึ่งจะมีความเร็วและค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป ดังนี้

1. การเชื่อมต่อแบบส่วนบุคคล
เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านคู่สายโทรศัพท์หนึ่งเลขหมายไปยังผู้ให้บริการ (คิดค่าบริการตามจำนวนชั่วโมงในการใช้งาน) ปัจจัยที่มีผลต่อความเร็วได้แก่ สายสัญญาณโทรศัพท์ โมเด็มและความหนาแน่นของสมาชิกที่ใช้งานในขณะนั้น ผู้ใช้บริการสามารถกระจายสัญญาณไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ให้ท่องอินเทอร์เน็ตได้ในเวลาเดียวกัน


2. การเชื่อมต่อแบบองค์กร
เป็นการเชื่อมต่อที่มีความเร็วสูงกว่าแบบส่วนบุคคลและเป็นการเชื่อมต่อแบบถาวรตลอดเวลากับผู้ให้บริการด้วยสายเช่า (Lease Line) และใช้อุปกรณ์พิเศษ เช่น Digital Modem, Router ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าแบบส่วนบุคคล เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีเครื่องลูกข่ายจำนวนมาก



วิธีการติดต่อเช้าระบบอินเทอร์เน็ตทำได้ 3 วิธี คือ

1. การเชื่อมต่อโดยตรง (Direct Internet Access)/b>
เป็นการเชื่อมต่อโดยตรงกับสายหลักของอินเทอร์เน็ต โดยผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Gateway ร่วมกับสายสัญญาณความเร็วสูงโดยตรงกับInterNIC ซึ่งสามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา แต่เสียค่าใช้จ่ายสูง


2. การเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์ (Dial-Up Access)
เป็นการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นทางผ่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต


3. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet) มีวิธีการหลากหลาย ได้แก่
*       การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ PCT เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์ Note book และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Pcoket PC) ผู้ใช้จะต้องมี โมเด็ม ชนิด PCMCIA ของ PCT ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์ไร้สายได้ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

*       การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยตรง (Mobile Internet) เช่น
* WAP (Wireless Application Protocal)
* GPRS(General Packet Radio Service)
* CDMA (Code Division Multiple Access)
* BLUETOOTH TECHNOLOGY

*       การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยเครื่อง Palm และ Notebook ผ่านโทรศัพท์มือถือที่สนับสนุนระบบ GPRS ซึ่งโทรศัพท์ที่สนับสนุนระบบ GPRS จะทำหน้าที่เสมือนเป็นโมเด็มให้กับอุปกรณ์ที่นำมาต่อพ่วง
  

การประยุกต์ใช้งานอินเทอร์เน็ตและการค้นหาข้อมูล
อินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เกิดจากการเชื่อมเครือข่ายย่อยจำนวนมากเข้าด้วยกัน แต่ละเครือข่ายบรรจุแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ข้อมูลทางธุรกิจการค้า ข่าวสารและการบันเทิง ซึ่งเป็นข้อมูลทั้งในอดีตและปัจจุบัน และมีการจัดเก็บไว้ในรูปของฐานข้อมูล ทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ข้อมูลและบรการที่หลากหลายได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จึงมีการนำเอาสื่ออินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้งาน ก่อให้เกิดประโยช์มากมาย เช่น
*       ด้านการศึกษา
ด้านธุรกิจ
ด้านการสื่อสาร
*       ด้านความบันเทิง

ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-Mail)
การขอเข้าระบบจากระยะไกล (Telnet)
การถ่ายโอนข้อมูล (File Transfer Protocal : FTP)
การสืบค้นข้อมูล (Gopher, Archie, World Wide Web)
กระดานแลกเปลี่ยนข่าวสาร Webboard (Usenet, BBS)
การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat, IRC, ICQ, QQ, Pirch, MSN Messenger)
การซื้อขายสินค้าและบริการ (Electronic Commerce : E-Commerce)

*    


การค้นหาข้อมูลในเวิลด์ไวด์เว็บ 
เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลมี ประเภท คือ
1. Search Engine
เป็นเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลที่ใช้โปรแกรมอัตโนมัติในการค้นหา รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ต่างๆ โดยละเอียด เหมาะกับการหาข้อมูลแบบเพาะเจาะจง


2. Search Directories
เป็นเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลโดยจัดหมวดหมู่ที่เหมาะสม แต่ปริมาณข้อมูลอาจไม่ครอบคลุมทุกเว้บไซต์ เหมาะกับการค้นหาข้อมูลที่เป็นหมวดหมู่ใหญ่ๆ หรือคำที่ต้องการค้นหาแบบกว้าง

วิธีการค้นหาข้อมูล ทำได้ วิธี คือ
1. ค้นหาตามหมวดหมู่
วิธีการนี้เป็นการเปิดหาข้อมูลเป็นหมวดหมู่ใหญ่แล้วแยกย่อยลงไปเรื่อย ๆ เช่น ต้องการค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับไก่ ก็ค้นหาในหมวด วิทยาศาสตร์ --ชีววิทยา --> สัตว์ --ไก่ เป็นต้น


2. ค้นหาโดยใช้คำหลัก (Keyword)
เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด เราเพียงแต่พิมพ์คำหรือข้อความที่คิดว่าเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการลงไปในช่องป้อนข้อความ แล้วคลิกที่ปุ่มค้นหา ถ้ามีข้อมูลนั้นอยู่ในฐานข้อมูลก็จะถูกนำมาแสดงทันที

เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลของต่างประเทศhttp://www.google.com
http://www.altavista.com
http://www.lycos.com
http://www.yahoo.com
http://www.msn.com
http://www.excite.com


เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลของประเทศไทย
http://www.siamguru.com
http://www.catcha.co.th
http://www.sanook.com
http://www.teenee.com
http://www.thaiall.com


สิ่งที่ต้องมีในการใช้งานอินเทอร์เน็ต
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ (Computer)
เป็นอุปกรณ์ส่วนสำคัญที่มีผลต่อการรับข่าวสาร การเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการท่องอินเทอร์เน็ตสามารถเลือกได้ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ทุกระบบแล้วแต่ความต้องการในการใช้งานหรือหากต้องการความเร็วในการใช้งานควรเลือกรุ่นที่ใช้เวลาในการประมวลผลน้อย


2. โมเด็ม (Modem)
เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณดิจิตอลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอะนาล๊อกผ่านคู่สายโทรศัพท์ และแปลงสัญญาณกลับอีกครั้งให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์


3. คู่สายโทรศัพท์ (Telephone Line)
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะต้องมีคู่สายโทรศัพท์อย่างน้อย เลขหมาย เพื่อการเชื่อมต่อจากเครื่องของเราไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP)
คือผู้ให้บริการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากประเทสไทยไปยังเครือข่ายอินเทอรืเน็ตในต่างประเทศ เปรียบเสมือนประตูทางออกสุ่โลกกว้าง ซึ่งเปิดตลอด 24 ชั่วโมง หลักการเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต มีดังนี้
*       - จำนวนคู่สายโทรศัพท์ที่มีให้บริการแก่สมาชิกมากเพียงพอหรือไม่
- ความเร็วของสายสัญญาณและขนาดความกว้างของช่องสัญญาณที่ต่อไปยังต่างประเทศ
บริการหลังการขาย เช่น การแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ส่วนลดของสมาชิกประจำ


วิธีการสมัครสมาชิกมีบริการ รูปแบบ คือ
*       ชุดคิทสำเร็จรูป จะมีวางจำหน่ายตามร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไปและร้านหนังสือ หรือร้านสะดวกซื้อ จำนวนชั่วโมงจะมี 10, 15, 30, 40ชั่วโมง

*       สมัครสมาชิกรายเดือน จะต้องติดต่อกับผู้ให้บริการโดยตรง ซึ่งจะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่า เช่น ส่วนลดในการใช้งาน ให้ชั่วโมงเพิ่ม ให้ E-mail Addressให้พื้นที่บนเครื่อง Server สำหรับการสร้างเว็บไซต์ส่วนตัว
 ประโยชน์และโทษของอินเทอร์เน็ต
1. ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต(ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ : NECTEC) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนี้
*       สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
*       -  ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
*       -  นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลเป็นข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ เป็นต้น
*       -  ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
*       -  สามารถซื้อขายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ผู้ใช้ที่เป็นบริษัทหรือองค์กรต่างๆก็สามารถเปิดให้บริการและสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่างๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น
การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่างๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป
สามารถฟังวิทยุผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้
สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ให่และเก่ามาดูได้ 

โทษของอินเทอร์เน็ต
1. โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic)
อาการของโรคติดอินเทอร์เน็ต มีดังนี้
*       -  รู้สึกหมกหมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อกับอินเทอร์เน็ต
-มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้น
ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
รู้สึกหงุดหงิดเมื่อต้องใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลงหรือหยุดใช้
ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นวิธีในการหลีกเลี่ยงปัญหาหรือคิดว่าการใช้อินเทอร์เน็ตทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
หลอกคนในครอบครัวหรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเทอร์เน้ตของตัวเอง
การใช้อินเทอร์เน็ตทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน การเรียนและความสัมพันธ์ยังใช้อินเทอร์เน็ตถึงแม้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
มีอาการผิดปกติ อย่างเช่น หดหู่ กระวนกระวายเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต
*       ใช้เวลาในการใช้อินเทอร์เน็ตนานกว่าที่ตัวเองตั้งใจไว้


2. เรื่องอนาจารผิดศีลธรรม
ปัจจุบันเรื่องของข้อมูลต่างๆ ที่มีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือย รวมทั้งคลิปวีดิดอต่าง ๆ เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเทอร์เน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็กและเยาวชนได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้สามารถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเราไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิด ผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้




3. ไวรัส ม้าโทรจัน
*       ไวรัส เป็นโปรแกรมอิสระ ซึ่งจะสืบพันธ์โดยการจำลองตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำลายข้อมูล หรืออาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงโดยการแอบใช้สอยหน่วยความจำหรือพื้นที่ว่างบนดิสก์โดยพลการ
ม้าโทรจัน เป็นตำนานนักรบที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้แล้วแอบเข้าไปในเมืองจนกระทั่งยึดเมืองได้สำเร็จ โปรแกรมนี้จะทำหน้าที่ไม่พึงประสงค์มันจะซ่อนตัวอยู่ในโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต มันมักจะทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการและสิ่งที่มันทำนั้นไม่มีความจำเป็นต่อเราด้วย
หนอนอินเทอร์เน็ต ถูกสร้างขึ้นโดย Robert Morris, Jr. จนดังกระฉ่อนไปทั่วโลก มันคือโปรแกรมที่จะแพร่พันธ์โดยการจำลองตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จากระบบหนึ่งครอบครองทรัพยากรและทำให้ระบบช้าลง
 คำศัพท์เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
คำศัพท์ที่สำคัญ ในการศึกษาเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตที่ควรทราบ มีดังนี้
1. Website 
หมายถึง จำนวนไฟล์หรือจำนวนหน้าทั้งหมดของเว็บไซต์นั้น ๆ

2. WebPages หมายถึง หน้าในแต่ละหน้าหรือไฟล์แต่ละไฟล์ที่ประกอบกันขึ้นรวม ๆ กันกลายเป็นเว็บไซต์

3. HomePage หมายถึง หน้าแรกของเว็บเพจทั้งหมดที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจะพบเมื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ หรืออาจจะกล่าวได้ว่าโฮมเพจเปรียบเสมือนสารบัญและคำนำที่เข้าของเว็บไซต์สร้างขึ้น นอกจากนี้โฮมเพจหนึ่ง ๆ อาจจะมีการเชื่อมกับเว็บเพจอื่นๆ อีกจำนวนมากได้

4. Webmaster หมายถึง บุคคลที่ทำหน้าที่วางแผน ดูแล บริหารและจัดการเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์นั้น ๆ บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

5. ISP หมายถึง ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ย่อมาจาก Internet Service Provider

6. IP Address หมายถึง หมายเลขอินเทอร์เน็ตประจำเครื่อง หรือที่อยู่ของเครื่องที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เป็นเลขรหัสที่ต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งไม่ซ้ำกัน หมายเลขจะประกอบด้วยตัวเลขสี่กลุ่มตั้งแต่ ถึง 255 โดยถูกคั่นด้วยเครื่องหมายจุด (.) ตัวอย่างเช่น 203.179.5.2 ซึ่งจำได้ยาก ดังนั้นจึงมีระบบชื่อคอมพิวเตอร์ตามมาตรฐานของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า DNS หรือ Domain Name System ซึ่งจตะสอดคล้องกับหมายเลขไอพี เช่น http://www.udru.ac.th เป็นต้น

7. Node หมายถึง จุดเชื่อมต่อเครือข่ายย่อย เป็นจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่มีอยู่บนเครือข่ายแกนหลักจะมีเส้นทางการเชื่อมต่อกับเครือข่ายแกนหลัก (Backbonen Node) อื่นๆ มากกว่า เส้นทาง เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อในภูมิภาคนั้นๆ ศูนย์กลางระบบศูนย์ประสานศูนย์ภาค สถานนีแยกทั้งหมดนี้เป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับสถานีเครือข่ายแกนหลัก เป็นการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายในลักษณะสถานีเครือข่ายย่อยนี้

8. Network หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องขึ้นไป มาเชื่อมต่อกัน เพื่อที่จะใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน เช่น เครื่องพิมพ์,ฮาร์ดดิสก์ หรือต้องการส่งข้อมูลให้กับบุคคลอื่นในระบบใช้งานและเพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน แบ่งออกเป็น ลักษณะใหญ่ๆ คือ เครือข่ายท้องถิ่น (LAN) และ เครือข่ายระยะไกล (WAN)

9. Internet หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วโลก เป็นเครือข่ายสาธารณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของทั้งหมด ภายใต้มาตรฐานการรับส่งข้อมูลระหว่างที่กำหนด ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันได้อย่างอิสระทั่วโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น